บนเส้นทางที่อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกกำลังเผชิญกับแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อม จากข้อมูลขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ระบุว่าในปี 2562 อุตสาหกรรมการบินปล่อยก๊าซคาร์บอนมากถึง 920 ล้านตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 2-2.5 ของคาร์บอนทั้งหมด

“เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน” (Sustainable Aviation Fuel: SAF) จึงเป็นความหวังครั้งใหม่ของโลกการบิน เป็นทางเลือกสำคัญที่จะเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมการบินไปสู่ความยั่งยืน

GC กับบทบาทผู้บุกเบิกรายแรกของประเทศไทย

เมื่อช่วงต้นปี 2568 โรงกลั่นชีวภาพของ GC ได้ประกาศความสำเร็จในการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) จากน้ำมันพืชใช้แล้วได้เป็นรายแรกของประเทศโดยไม่ต้องสร้างโรงงานใหม่ เราใช้การต่อยอดองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ พัฒนากระบวนการให้สามารถใช้งานร่วมกับหน่วยการกลั่น เดิมได้ ทำให้สามารถประหยัดการลงทุน ด้วยคุณภาพ SAF ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานตามสากล ISCC CORSIA และมาตรฐาน ISCC Plus

นั่นหมายความว่า SAF ที่ผลิตโดย GC มีคุณภาพเทียบเท่าเชื้อเพลิงจากฟอสซิล แต่สร้าง Carbon Footprint ต่ำกว่าหลายเท่า ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 80% เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงอากาศยานทั่วไป ถือเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมการบินไทยเข้าสู่เศรษฐกิจพลังงานสะอาดอย่างเป็นรูปธรรม

GC เบื้องหลังเที่ยวบินสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อม

SAF ที่ผลิตโดย GC ได้เริ่มนำไปใช้งานในเที่ยวบินพาณิชย์ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สแล้ว นับเป็นการวางรากฐานสำคัญสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมการบินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และผลักดันไทยในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบินคาร์บอนต่ำของภูมิภาคอาเซียน ตอกย้ำกลยุทธ์ขยายธุรกิจมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ (High Value & Low Carbon Business) สร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

อนาคตที่เติบโตของ SAF

SAF กำลังได้รับการผลักดันอย่างกว้างขวางในระดับโลก เพราะองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศตั้งเป้าหมาย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจากอุตสาหกรรมการบินเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 อุตสาหกรรมการบินระดับโลกจึงขานรับการใช้ SAF อย่างพร้อมเพรียง

GC ไม่เพียงตอบโจทย์ความต้องการเชื้อเพลิงสะอาดของอุตสาหกรรมการบิน แต่ยังตอกย้ำบทบาทการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน เดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2593 และเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมสร้างท้องฟ้าโลว์คาร์บอน...สร้างอนาคตที่ยั่งยืน สำหรับทุกคน