GC One Report 2023 [TH]

กลยุทธ์การดำ �เนินงาน ในปี 2566 มีความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นอย่างมากจากปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) และ เศรษฐกิจโลกที่ยังคงเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) โดยอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ประกอบกับเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวล่าช้า ส่งผลให้ความต้องการ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีชะลอตัว ขณะที่การด� ำเนินนโยบายการพึ่งพา การผลิตในประเทศ (Self-Sufficiency) ของประเทศจีน ท� ำให้ก� ำลัง การผลิตใหม่ขยายตัวสูงสุดในช่วงปี 2565-2566 ปัจจัยเหล่านี้ส่งผล ให้อัตราการใช้ก� ำลังการผลิต (Operating Rate) ของอุตสาหกรรมลดลง ในปี 2566 สะท้อนถึงสถานการณ์อุปทานล้นตลาด กดดันต่อราคาและ ส่วนต่างราคาที่ลดลง นอกจากนี้ กระแสการตื่นตัวทางด้านสิ่งแวดล้อม และการด� ำเนินนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของนานา ประเทศทั่วโลก จะเป็นการเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ซึ่งจะส่งผลต่อความสามารถทางการแข่งขันของ อุตสาหกรรมในระยะยาว ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ติดตามแนวโน้มต่างๆ อย่างใกล้ชิดและวิเคราะห์ผลกระทบในระยะสั้นเพื่อให้สามารถปรับ แผนการด� ำเนินงานได้อย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีความ ท้าทาย พร้อมทั้งผลักดันแผนกลยุทธ์ในระยะยาว เพื่อสร้างการเติบโต อย่างยั่งยืน ตอบสนองต่อแนวโน้ม Megatrends ท� ำให้ยังมีผลสัมฤทธิ์ การด� ำเนินงานในด้านต่างๆ ที่เป็นไปตามแผน และยังคงเป็นผู้น� ำทาง ด้านความยั่งยืน โดยบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับในกลุ่มดัชนีความยั่งยืน ดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) อยู่ในอันดับที่ 1 ในกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์ เป็นหนึ่งเดียวของบริษัทเคมีภัณฑ์ไทยและ หนึ่งเดียวของภูมิภาคเอเชีย ที่ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ต่อเนื่องกัน 5 ปี และอยู่ในระดับ Top 10 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ทบทวนทิศทางและแผนกลยุทธ์การด� ำเนินธุรกิจให้ สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมุ่งเน้นในการสร้างและ รักษาความสามารถทางการแข่งขัน การเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน และการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ที่จะสนับสนุนแผนการเติบโต ในอนาคต โดยบริษัทฯ ได้น�ำทิศทางและแผนกลยุทธ์นี้มาเป็นกรอบ การปฏิบัติงานและติดตามผลอย่างสม�่ ำเสมอเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย องค์กรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนกลยุทธ์ ใน 5 กลุ่มหลัก ดังนี้ 1 2 กลยุทธ์การยกระดับ ความสามารถในการแข่งขัน (Step Change) กลยุทธ์การสร้างการเติบโต ในธุรกิจที่มูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ � (Step Out) บริษัทฯ เร่งเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจปัจจุบัน ยกระดับการ ด� ำเนินงาน เสริมสร้างความยืดหยุ่น และพร้อมปรับตัวอย่างต่อเนื่อง (Enhance Resilience) เพื่อให้สามารถด� ำเนินธุรกิจภายใต้ความท้าทาย โดยมุ่งเน้นให้สามารถรักษาต้นทุนของ ธุรกิจให้แข่งขันได้ รวมถึงการต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าสูง โดยมีรายละเอียดของ กลยุทธ์ที่ส� ำคัญ ได้แก่ บริษัทฯ ด� ำเนินธุรกิจและสร้างการเติบโตในธุรกิจที่มูลค่าสูงและคาร์บอนต�่ ำ ที่ตอบสนอง ต่อแนวโน้ม Megatrends ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย การรักษาความสามารถในการแข่งขันให้คงอยู่ ในระดับเดิมหรือดีกว่า (Competitiveness Enhancement) โดยได้ด� ำเนินการตามกลยุทธ์ ที่ท� ำให้โรงงานเกิดความได้เปรียบจากการใช้ วัตถุดิบในราคาที่แข่ งขันได้ (Feedstock Competitiveness) ควบคู่ไปกับการปรับปรุง ประสิทธิภาพของโรงงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายใน การผลิต พร้อมทั้งการสร้างความเชื่อมโยงกัน ภายในกลุ่ม รวมถึงการต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่มี มูลค่าต�่ ำเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง ภายใต้ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจถดถอย บริษัทฯ ได้ด� ำเนินการพิจารณาทบทวนแผนการลงทุนให้ สอดคล้องกับความสามารถในการลงทุน และ ศึกษาความเป็นไปได้ของตลาดเพิ่มเติม เพื่อให้ มีความพร้อมส� ำหรับการลงทุนในอนาคตและ สามารถบรรลุเป้าหมายผลตอบแทนโครงการ และ Portfolio ของบริษัทฯ ได้ การแสวงหาโอกาสในธุรกิจ Bio & Circularity ซึ่งเป็นส่วนส� ำคัญที่จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถ มุ่งสู่ Low Carbon & Eco Business ตาม ทิศทางของบริษัทฯ ได้ โดยส� ำหรับธุรกิจในกลุ่ม รีไซเคิล ปัจจุบันบริษัทฯ ด� ำเนินโครงการ Mechanical Recycling ผ่านบริษัท เอ็นวิคโค จ� ำกัด (ENVICCO) มีก� ำลังการผลิตพลาสติก รีไซเคิลในประเทศไทยรวม 45,000 ตันต่อปี และมีแผนในการขยายตลาดในประเทศไทย กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ สหรัฐอเมริกา รวมถึงได้ด� ำเนินธุรกิจในกลุ่ม Compostable Plast ics โดยมี บริษัท NatureWorks LLC (NatureWorks) เป็นผู้น� ำ การด� ำเนินกลยุทธ์ธุรกิจที่เน้นตลาด (MarketFocused Business) เพิ่มมูลค่ าให้ กับ ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (High Value Products: HVP) จากนวัตกรรมและ การพัฒนาสินค้าควบคู่ไปกับการพัฒนาลูกค้า และการตลาดมาอย่างต่อเนื่อง และได้ด� ำเนินการ Market-Focused Business Transformation (MFBT) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขับเคลื่อน ธุรกิจที่มุ่งเน้นตลาดและลูกค้าปลายทาง โดย มุ่งเน้นการขายผลิตภัณฑ์แบบ Application and Solution Based เพื่อตอบสนองความต้องการ ของตลาดและลูกค้าเป็นส� ำคัญ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในการ เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ และขยายเครือข่าย ทางการตลาด ผ่านการสร้างความร่วมมือกับ พันธมิตรในการขยายธุรกิจไปยังลูกค้าปลายทาง (Forward Integration) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ กับผลิตภัณฑ์บนพื้นฐานที่จะไม่แข่งขันกับลูกค้า ปัจจุบันของบริษัทฯ ตลอดจนเน้นกลยุทธ์ ทางการตลาดแบบครบวงจรให้ กับลูกค้ า (Customer Solution Marketing) ด้วยการ สร้างความร่วมมือไปยังเจ้าของตราสินค้า (Brand Owners) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ ตอบโจทย์แนวโน้มของตลาดร่วมกันโดยใช้ความ ต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ตลาดโลกในโพลิแลกติกแอซิด (Polylactic Acid หรือ PLA) ด้วยก� ำลังผลิต 150,000 ตัน ต่อปี และได้ตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานแห่ง ที่ 2 ที่ประเทศไทย ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โรงงาน เพื่อเป็น Asia Hub ให้กับลูกค้าใน เอเชีย นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการ ศึกษาและแสวงหาโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติมใน ธุรกิจ Biofuel/Oleochemicals และ Drop-in biopolymers โดยมีเป้าหมายในการเติบโตและ สร้างมูลค่าเพิ่มของแต่ละผลิตภัณฑ์ การด� ำเนินธุรกิจและสร้างการเติบโตในธุรกิจ มูลค่าสูง (High Value Business: HVB) บริษัทฯ ได้ด� ำเนินการร่วมกับ allnex ในการ ส่งเสริมความร่วมมือ (Value Creation and Synergy) ภายในกลุ่มบริษัทฯ และบริษัทในเครือ รวมถึงแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในด้านต่างๆ ระหว่างกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้าง ความเข้มแข็งในการด� ำเนินธุรกิจและเพิ่มความ สามารถในการแข่งขันในระยะยาว แสวงหาโอกาสทางธุรกิจในสหรัฐอเมริกา (Second Home Base) เพื่อเพิ่มความสามารถ ในการแข่งขันในระยะยาวของบริษัทฯ จากความ ได้เปรียบด้านราคาวัตถุดิบ ตลาด และปัจจัย พื้นฐาน รวมถึงนโยบายและมาตรการส่งเสริม การลงทุนโดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมจาก หน่วยงานภาครัฐของสหรัฐอเมริกา 12

RkJQdWJsaXNoZXIy ODg4NTI=