- 159 - ค.2) เมื� อวันที� 8 กันยายน 2563 บริษัทย่อยได้รับหมายเรียกและสําเนาคําฟ้องคดีแพ่ง โดยบริษัทแห่งหนึ� ง ซึ� งเป็นคู่ค้าเดิมของบริษัทย่อยได้ยื� นฟ้องบริษัทย่อยในข้อหาผิดสัญญา เรียกเงินคืน และเรียก ค่าเสียหายเป็นเงินต้นจํานวน 470.03 ล้านบาท พร้อมดอกเบี� ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี รวมเป็น จํานวนเงิน 595.10 ล้านบาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าบริษัทย่อยจะชําระเงินเสร็จสิ� น ทั� งนี� ศาลได้นัดสืบพยานในเดือนมิถุนายน 2565 ต่อมาเมื� อวันที� 8 พฤศจิกายน 2563 บริษัทย่อยได้รับหมายเรียกและสําเนาคําฟ้องคดีแพ่ง โดยบริษัท ดังกล่าวได้ยื� นฟ้องบริษัทย่อยในฐานะจําเลยที� 1 และบริษัทอื� นอีก 2 ราย เป็นจําเลยในข้อหาผิดสัญญา ตัวการ ตัวแทน และเรียกค่าเสียหายเป็นเงินต้นจํานวน 92.29 ล้านบาท พร้อมดอกเบี� ยในอัตรา ร้อยละ 7.5 ต่อปี รวมเป็นจํานวนเงิน 109.42 ล้านบาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจําเลย ทั� งสามจะชําระเงินเสร็จสิ� น ทั� งนี� ศาลได้นัดสืบพยานในเดือนมิถุนายน และเดือนกรกฎาคม 2565 และเมื� อวันที� 25 ธันวาคม 2563 บริษัทย่อยได้รับหมายเรียกและสําเนาคําฟ้องคดีแพ่ง โดยบริษัท ดังกล่าวได้ยื� นฟ้องบริษัทแห่งหนึ� ง และบริษัทย่อยในฐานะจําเลยที� 2 ในข้อหาผิดสัญญา เรียกเงินคืน และเรียกค่าเสียหายเป็นเงินต้นจํานวน 305.26 ล้านบาท พร้อมดอกเบี� ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี รวมเป็นจํานวนเงิน 364.71 ล้านบาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจําเลยทั� งสองจะชําระเงิน เสร็จสิ� น ทั� งนี� ศาลได้นัดสืบพยานในเดือนกรกฎาคม และเดือนสิงหาคม 2565 ทั� งนี� บริษัทย่อยและที� ปรึกษากฎหมายของบริษัทย่อยได้พิจารณาข้อเท็จจริงและหลักฐานที� เกี� ยวข้อง ทั� งสามคดีแล้วเห็นว่า บริษัทย่อยมิได้กระทําผิดสัญญาตามฟ้องทั� งสามคดี บริษัทย่อยจึงไม่มีหน้าที� ต้องชําระเงินและค่าเสียหาย บริษัทย่อยจึงได้แต่งตั� งทนายความ และได้ยื� นคําให้การต่อสู้คดี รวมถึง บริษัทย่อยอยู่ระหว่างการดําเนินการฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหาย จํานวน 551 ล้านบาท ดังนั� น บริษัทย่อย จึงไม่ได้บันทึกค่าเผื� อผลเสียหายที� อาจเกิดขึ� นจากคดีดังกล่าว ง) คดีแพ่งเกี� ยวกับการละเมิด ผิดสัญญา ผิดคํามั� น เรียกค่าเสียหายที� เกิดขึ� นในปี 2564 ของบริษัทย่อย เมื� อวันที� 28 มิถุนายน 2564 บริษัทย่อยได้รับหมายเรียกและสําเนาคําฟ้องคดีแพ่ง โดยบริษัทแห่งหนึ� งได้ยื� น ฟ้องบริษัทย่อยต่อศาลแพ่งในข้อหาละเมิด ผิดสัญญา ผิดคํามั � น และเรียกค่าเสียหาย โดยขอให้บริษัทย่อย ชดใช้ค่าเสียหายเป็นจํานวนเงินรวม 449.77 ล้านบาท พร้อมดอกเบี� ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ� งบริษัทย่อยและ ที� ปรึกษากฎหมายของบริษัทย่อยได้พิจารณาข้อเท็จจริงและหลักฐานที� เกี� ยวข้องแล้วเห็นว่า ประเด็นแห่งคดีนี� เป็นประเด็นเดียวกับคดีที� บริษัทย่อยเคยยื� นฟ้องบริษัทดังกล่าว และบริษัทย่อยไม่ได้กระทําละเมิดและ ผิดสัญญาต่อโจทก์ตามที� กล่าวอ้างในฟ้อง ดังนั� น บริษัทย่อยจึงได้แต่งตั� งทนายความและยื� นคําให้การต่อสู้คดี ทั� งนี� ศาลได้นัดสืบพยานในวันที� 1 - 4 มีนาคม 2565 ดังนั� น บริษัทย่อยจึงไม่ได้บันทึกค่าเผื� อผลเสียหายที� อาจเกิดขึ� นจากคดีดังกล่าว บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำ �กัด (มหาชน) และบริษัทย่อย สำ �หรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 หมายเหตุ ประกอบงบการเงิน 392 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำ �กัด (มหาชน) แบบ 56-1 One Report ประจำ �ปี 2564
RkJQdWJsaXNoZXIy ODg4NTI=