- 157 - ข) คดีความเกี� ยวกับกรณีท่อรับนํ� ามันดิบรั� ว ในระหว่างไตรมาสที� 3 ปี 2557 กลุ่มบุคคลจํานวนหนึ� งในจังหวัดระยอง ได้ยื� นฟ้องต่อศาลแพ่งและ ศาลจังหวัดระยองจํานวนหลายคดี เพื� อขอให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหายเพิ� มและขอให้บริษัทเข้าไปดําเนินการ ฟื� นฟูสภาพแวดล้อมทางทะเลและธรรมชาติ จากกรณีท่อรับนํ� ามันดิบของบริษัทรั� ว ซึ� งคดีฟ้องร้องบางส่วน ได้ยุติแล้ว และคดีฟ้องร้องบางส่วนศาลแพ่งได้มีคําพิพากษาเมื� อวันที� 25 สิงหาคม 2559 โดยให้บริษัทชดใช้ ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี� ยและค่าฟื� นฟูสภาพแวดล้อมเป็นจํานวนเงินประมาณ 11.26 ล้านบาท ซึ� งบริษัทได้ ยื� นอุทธรณ์ต่อศาลเมื� อวันที� 17 กุมภาพันธ์ 2560 ต่อมาเมื� อวันที� 11 พฤษภาคม 2561 บริษัทได้ทําสัญญา ประนีประนอมยอมความกับโจทก์ส่วนใหญ่ที� ศาลแพ่ง โดยเมื� อวันที� 20 ธันวาคม 2561 ศาลอุทธรณ์มีคํา พิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ซึ� งบริษัทได้ชําระค่าเสียหายไปครบถ้วนแล้ว ส่วน โจทก์ที� เหลือ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี� ยตามคําพิพากษาศาลชั� นต้น แต่ให้ลดจํานวนดอกเบี� ยลง โดยบริษัทได้ชําระค่าเสียหายให้โจทก์ดังกล่าวแล้ว และไม่มีโจทก์รายใดยื� น ฎีกาจึงถือได้ว่าคดีเป็นอันสิ� นสุด สําหรับคดีฟ้องร้องที� ศาลจังหวัดระยอง เมื� อวันที� 28 กันยายน 2561 ศาลจังหวัดระยองได้มีคําพิพากษา ให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี� ยเป็นจํานวนเงินสุทธิประมาณ 38 ล้านบาท โดยหักเงินเยียวยา ที� บริษัทได้จ่ายชดใช้ให้โจทก์แล้วก่อนหน้านี� เป็นจํานวน 24 ล้านบาทและส่วนที� เหลือบริษัทได้ นําเงินไปวางที� ศาลจังหวัดระยองในวันที� 25 กุมภาพันธ์ 2562 โดยมีโจทก์บางรายยื� นอุทธรณ์คําพิพากษา ของศาลจังหวัดระยอง และบริษัทได้ยื� นคําแก้อุทธรณ์ต่อศาลจังหวัดระยองเมื� อวันที� 2 ตุลาคม 2562 ต่อมาเมื� อวันที� 22 มกราคม 2563 ศาลจังหวัดระยองได้ส่งหมายนัดฟังคําพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ในวันที� 19 มีนาคม 2563 และศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้เลื� อนวันนัดฟังคําพิพากษา และวันที� 1 กันยายน 2563 ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้มีคําพิพากษาให้บริษัทชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี� ยให้แก่โจทก์ที� ยื� นอุทธรณ์ เพิ� มเติม ซึ� งบริษัทได้นําเงินจํานวน 25 ล้านบาทไปวางที� ศาลจังหวัดระยองในวันที� 30 กันยายน 2563 ต่อมาเมื� อวันที� 14 ตุลาคม 2563 ศาลจังหวัดระยองได้นัดฟังคําพิพากษาหรือคําสั� งศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพิ� มเติมในวันที� 26 พฤศจิกายน 2563 ซึ� งโจทก์ได้ยื� นฎีกาต่อศาลแล้วเมื� อวันที� 1 มีนาคม 2564 และ อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาที� จะรับฎีกาของโจทก์ ทั� งนี� บริษัทอยู่ระหว่างการติดตามความคืบหน้า ของคดี ค) คดีความเกี� ยวกับการโอนสิทธิการรับชําระเงินค่าวัตถุดิบของบริษัทย่อย ค.1) เมื� อวันที� 18 สิงหาคม 2560 บริษัท อนัตตา กรีน จํากัด ต่อมาเปลี� ยนชื� อเป็น บริษัท ไทย ไบโอ อินโนเวชั � น จํากัด (“อนัตตา”) บริษัทย่อย และบริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) (“ACAP”) ได้ทําบันทึกความเข้าใจ 3 ฝ่าย โดยอนัตตามีหน้าที� เป็นผู้จัดหานํ� ามันปาล์มส่งจําหน่าย ให้แก่บริษัทย่อย และ ACAP เป็นผู้ออกเงินทุนให้อนัตตานําไปชําระค่าสินค้าแก่ผู้ค้ารายย่อย ในวัน เดียวกัน อนัตตาได้ทําสัญญากู้ยืมเงินจาก ACAP และโอนสิทธิการรับเงินค่าวัตถุดิบให้แก่ ACAP พร้อมกับแจ้งการโอนสิทธิการรับเงินให้บริษัทย่อยทราบ และบริษัทย่อยได้ให้ความยินยอมในการ โอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าว บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำ �กัด (มหาชน) และบริษัทย่อย สำ �หรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 หมายเหตุ ประกอบงบการเงิน 390 บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำ �กัด (มหาชน) แบบ 56-1 One Report ประจำ �ปี 2564
RkJQdWJsaXNoZXIy ODg4NTI=